สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อเจครับ ปัจจุบันทำงานอยู่บริษัท N-Squared Engineering Co.,Ltd. ในตำแหน่ง Business Development ครับ โดยวัตถุประสงค์ของผมคือต้องการให้คนไทยได้มีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ EV มากขึ้น รวมถึงตอบปัญหาข้อสงสัยต่างๆ ให้กับผู้สนใจเกี่ยวกับรถยนต์ EV ครับ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้พาท่านผู้อ่านทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆกันไปแล้ว วันนี้ผมจะขอพาทุกท่านมาสำรวจตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV) ที่มีวางจำหน่ายในไทย โดยจะเล่าให้เห็นถึงสเปคต่างๆในแต่ละรุ่นรวมถึงราคาขายในปัจจุบันด้วยครับ
รวมรุ่นรถ BEV ที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
1.MG ZS EV
มาเริ่มต้นกันที่คันแรกกันก่อนเลยนะครับกับ MG ZS EV นับว่าเป็นรถ BEV ที่ได้กระแสการตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากการเปิดตัวไปเมื่อ กลางปี 2019 ในไทย ด้วยราคาค่าตัวที่ 1.19 ล้านบาท บวกกับระยะทางในการขับขี่สูงถึง 337 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกไปจากนี้ทางรถรุ่นนี้ยังมีระบบกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศในประเทศไทยเป็นอย่างมาก
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 337 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 44.5 kWh
ขนาดมอเตอร์: 105 kW
แรงม้า: 143 hp
แรงบิด: 353 Nm
อัตราเร่ง 0-100 km/h: 8.5 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 140 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 1,190,000 บาท
2.Nissan Leaf
นับเป็นรถ BEV รุ่นแรกๆก็ว่าได้ที่เข้ามาทำตลาดในไทย โดยรุ่นนี้ถือเป็น Generation ที่ 2 แล้วที่เข้ามาเปิดตัวในบ้านเรา โดยราคาเปิดตัวในตอนแรกอยู่ที่ 1.99 ล้านบาท ปัจจุบันได้ลดราคาลงเหลือ 1.49 ล้านบาท
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 311 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 40 kWh
ขนาดมอเตอร์: 110 kW
แรงม้า: 150 hp
แรงบิด: 320 Nm
อัตราเร่ง 0-100 km/h: 7.9 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 144 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 1,490,000 บาท
3.Fomm one
รถ BEV สัญชาติญี่ปุ่นอีก หนึ่งค่าย โดยราคาค่าตัวที่เปิดมานั้นน่าจะเป็นรุ่นที่ราคาถูกที่สุดในท้องตลาด BEV ในตอนนี้ นอกไปจากนี้ตัวรถยังมีขนาดกระทัดและยังมีความสามารถในการขับลุยน้ำได้ ตัวรถได้ถูกออกแบบให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างๆช้าในขณะที่ตัวรถกำลังลอยน้ำอยู่ นับเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้เลยทีเดียว
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 160 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 11.84 kWh
ขนาดมอเตอร์: 10 kW
แรงม้า: 13.4 hp
ความเร็วสูงสุด: 80 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 599,000 บาท
4.Hyundai IONIQ
มาดูในฝั่งรถยนต์สัญชาติเกาหลีกันบ้างครับ กับรถดีไซน์โฉบเฉี่ยวทันสมัยในรูปแบบของรถ BEV Hatchback 5 ประตู
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 280 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 28 kWh
ขนาดมอเตอร์: 98 kW
แรงม้า: 120 hp
แรงบิด: 295 Nm
อัตราเร่ง 0-100 km/h: 9.9 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 165 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 1,749,000 บาท
5.Hyundai KONA SEL
มาพบกันอีกรุ่นสำหรับ Hyundai KONA ในรถตระกูลประเภท SUV โดยโดดเด่นด้วยระยะทางที่สามารถวิ่งได้สูงถึง 482 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 482 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 64 kWh
ขนาดมอเตอร์: 170 kW
แรงม้า: 204 hp
แรงบิด: 395 Nm
อัตราเร่ง 0-100 km/h: 7.6 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 167 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 2,259,000 บาท
6.Kia Soul EV
อีกรุ่นจากทางฝั่งค่ายเกาหลี Kia Soul EV ด้วยดีไซน์และสีที่สะดุดตาของรถรุ่นนี้ อีกทั้งยังมีราคาที่ใกล้เคียงกันกับ Hyundai KONA รถรุ่นนี้จึงเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 391 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 64 kWh
ขนาดมอเตอร์: 90 kW
แรงม้า: 109 hp
แรงบิด: 395 Nm
อัตราเร่ง 0-100 km/h: 11.2 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 167 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 2,387,000 บาท
7.Audi e-tron
มาลองดูทางค่ายรถยุโรปกันบ้างครับ กับ Audi e-tron ด้วยชื่อเสียงของรถยนต์ค่ายนี้ที่มีความโดดเด่นในการด้านการขับขี่และเทคโนโลยีภายในตัวรถที่ทาง Audi ใส่ออฟชั่นมาให้ค่อนข้างจัดเต็ม แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าตัวที่สูงกว่าค่ายทางฝั่งญี่ปุ่นพอสมควร
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 417 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 95 kWh
ขนาดมอเตอร์: 265 kW
แรงม้า: 408 hp
แรงบิด: 664 Nm
อัตราเร่ง 0-100 km/h: 5.7 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 200 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 5,099,000 บาท
8.BMW i3
จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้คือการดีไซน์ที่ล้ำสมัยของทาง BMW ทั้งภายในและภายนอก โดยบานประตูด้านหลังสามารถเปิดได้กว้างเป็นมุม 90 องศา จึงทำให้มีความสะดวกในการเข้าออกมากยิ่งขึ้น
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 280 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 33.2 kWh
ขนาดมอเตอร์: 137 kW
แรงม้า: 184 hp
แรงบิด: 270 Nm
อัตราเร่ง 0-100 km/h: 6.9 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 160 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 3,730,000 บาท
9.MINI Cooper SE
อีกหนึ่งรุ่นที่น่าจะเป็นที่นิยมของวัยรุ่นด้วยดีไซน์ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นั่นคือ Mini Cooper SE ได้ออกมาทำตลาดรถ BEV เป็นรุ่นแรกในไทย โดยมีวางจำหน่ายจำนวนจำกัดที่ 25 คันเท่านั้นในประเทศไทย
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 217 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 33.6 kWh
ขนาดมอเตอร์: 135 kW
แรงม้า: 184 hp
แรงบิด: 270 Nm
อัตราเร่ง 0-100 km/h: 7.3 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 150 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 2,290,000 บาท
10. Jaguar I-PACE
มาดูในฝั่งแบรนด์รถหรูกันบ้าง ทาง Jaguar เองก็ได้ลงมาทำตลาดรถ BEV กับค่ายอื่นๆด้วยเหมือนกัน โดยก็ยังสามารถรักษาคุณภาพและเอกลักษณ์ของตัวได้ไม่ต่างจาก รถรุ่นอื่นๆของแบรนด์นี้เลย
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 470 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 90 kWh
ขนาดมอเตอร์: 290 kW
แรงม้า: 400 hp
แรงบิด: 696 Nm
อัตราเร่ง 0-100 km/h: 4.8 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 200 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 5,499,000 บาท
11.Porsche Taycan Turbo S
มาพบกับรถ BEV ที่จัดอยู่ในกลุ่มประเภทรถ Sport กันบ้าง รถรุ่นนี้น่าจะเป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะในการขับขี่สูงที่สุด และราคาค่าตัวของรถรุ่นนี้ก็มีราคาสูงที่สุดในบรรดารุ่นรถ BEV ทั้งหมด ที่ผมได้รวบรวมข้อมูลมา ณ ขณะนี้
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 450 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 93.4 kWh
ขนาดมอเตอร์: 560 kW
แรงม้า: 761 hp
แรงบิด: 1050 Nm
อัตราเร่ง 0-100 km/h: 2.8 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 260 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 11,000,000 บาท
12.BYD M3
สองรถยนต์รุ่นสุดท้ายที่ผมจะนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้ คือ แบรนด์ BYD จากประเทศจีน
โดยรถรุ่นนี้จัดเป็นรถยนต์ BEV ประเภทรถ Van โดยมาในรูปแบบ 7 ที่นั่ง
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 300 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 50.3 kWh
ขนาดมอเตอร์: 70 kW
แรงม้า: 94 hp
แรงบิด: 180 Nm
ความเร็วสูงสุด: 100 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 1,089,000 บาท
13.MINE SPA1
ปิดท้ายด้วย รถยนต์ BEV สัญชาติไทยกันบ้างครับ ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้เห็นรถยนต์แบรนด์ไทยกันมากนัก แต่ก็นับเป็นสัญญาณที่ดีครับว่า ผู้ประกอบการในบ้านเราก็มีความสนใจกับรถ BEV อยู่ไม่น้อย
รายละเอียดและสเปค
ระยะทางวิ่งได้สูงสุด: 200 กม.
ขนาดแบตเตอรี่: 30 kWh
ขนาดมอเตอร์: 95 kW
แรงม้า: 127 hp
แรงบิด: 220 Nm
ความเร็วสูงสุด: 140 km/h
ราคาจำหน่ายในไทย: 1,200,000 บาท
สำหรับท่านผู้อ่านที่อ่านกันมาจนถึงตรงนี้ก็อาจจะอยากเห็นข้อมูลเปรียบเทียบรถรุ่นต่างๆ กันใช่ไหมครับ ผมได้ทำสรุปข้อมูลออกมาให้เห็นได้ง่ายขึ้นดังนี้ครับ
วิเคราะห์และสรุป
จะเห็นได้ว่าแนวโน้มของรถยนต์ BEV ในประเทศไทยนั้น มีการเติบโตมากขึ้นจากปีก่อนมาก สังเกตได้จากจำนวนรุ่นรถ BEV จากหลากหลายแบรนด์ที่ได้มีการเปิดตัวมากขึ้น ทั้งนี้เทรนด์ของรถยนต์ BEV หรือ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ EV ประเภทอื่นก็ตาม จะเติบโตและเกิดการใช้งานกันอย่างแพร่หลายได้นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของทางภาครัฐด้วย เช่น นโยบาย EV ประชารัฐ นั่นทำให้เห็นว่าทางรัฐบาลเองก็อยากจะผลักดันให้รถ EV นั้นเกิดขึ้นโดยเร็วในประเทศของเรา นอกไปจากนี้ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลายแบรนด์ในไทยก็ได้เริ่มลงทุนในรถ EV และได้ผ่านการขอ BOI เพื่อเตรียมผลิตรถ EV ในระยะเวลาไม่กี่ปีข้างหน้านี้
ผมในฐานะผู้ที่มีความสนใจรถ EV จึงอยากที่จะนำเสนอข้อมูลที่ประโยชน์และช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อรถ EV ของท่านผู้อ่านครับ ผมหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับท่านผู้สนใจในรถ EV หรือกำลังตัดสินใจในการเลือกซื้ออยู่นะครับ สำหรับบทความหน้าผมจะมาเล่าอะไรให้ฟังเกี่ยวกับรถ EV นั้น โปรดติดตามกันได้เลยครับ สุดท้ายนี้ถ้าท่านใดชอบบทความนี้ผมฝากท่านแชร์บทความนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมและทีมงานด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
ช่องทางในการติดต่อกับทีมงาน
Line ID:@228tslca
Kommentare